Tuesday, July 17, 2012

ย้อนอดีต ปัจจุบัน อนาคตของ Apple's Dock Connector จะเป็นอย่างไร?

original_thumb2

 

ช่องเสียบเฉพาะของทางแอปเปิล ที่เรียกว่า Apple's Dock Connector แบบ 30 Pin นั้นเริ่มใช้มาตั้งแต่ ปี 2546 เรียกว่าใช้มา 9 ปีมาแล้วนั่นเอง โดยเริ่มใช้กับ iPod Classic รุ่นที่ 3 เป็นเครื่องแรก ซึ่งแอปเปิล ใช้กับผลิตภัณฑ์พกพาของแอปเปิลเกือบทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ iPhone, iPad และ iPod รุ่นต่าง ๆ ทั้ง iPod Classic, Nano และ iPod Touch ยกเว้นเพียง iPod Shuffle ด้วยข้อจำกัดของขนาด โดย iPod Shuffle รุ่นล่าสุดเสียบชาร์จไฟ และ Sync ข้อมูลด้วย ที่เสียบหูฟังแบบ 3.5 mm แทน ซึ่งแบบหลังนี้ ทั้งเล็ก และประหยัดพื้นที่ไปได้มาก ทำไมแอปเปิลถึงไม่เปลี่ยนใช้แบบนี้
กับ อุปกรณ์พกพาทั้งหมดหละ?

30-Pin Dock Connector นั้นถูกใช้มาเกือบ 10 ปีนี้ สาวกแอปเปิล ทั้งหลายคงคุ้นเคยกันดี ดำี่พถูกใช้กับผลิตภัณฑ์แอปเปิลขนาดพกพาเกือบทั้งหมด แต่ข่าวลือที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ iPhone 5 ไอโฟนรุ่นถัดไป จะมีการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งการเปลี่ยนแปลง 30-Pin Dock Connector ให้ลดขนาดลงเป็น 19-Pin Connector แทน วันนี้เราจะได้รู้กันว่า เหตุผลที่ แอปเปิลลดขนาดของ Connector ลงและลดจำนวน Pin ลงไป จะมีผลกระทบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ?

ความสำคัญของจำนวน Pin

 

1-1211027648Yk8B_thumb4

ถ้าใครหยิบสาย USB Cable ทั่วไปมาพิจารณาดู จะห็นว่าตรงช่องหัวต่อที่เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์นั้น จะมีแถบทองเหลือง (Pin) อยู่ 4 แถบด้วยกัน แต่ถ้ามาดูส่วนของ Apple Dock Connector Cable (ฝั่งที่เสียบกับไอโฟน) จะเห็นว่า มีแถบทองเหลืองเล็กๆ จำนวนมากถึง 30 Pin ซึ่งก็แปลกใจกันไหม กับบริษัทที่ขึ้นชื่อว่า ชอบทำอะไรออกมา น้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น เน้นความบาง และน้ำหนักเบาเป็นหลัก แต่ทำหัวต่อกับ ไอโฟนนี้ ทั้งมันยาวและใช้พื้นที่กว่าแบบ USB เยอะทีเดียว เคยผลอะไรกันนะ ที่แอปเปิลไม่หันมา ใช้ Micro USB ที่มีขนาดเล็กกะทะรัด ซึ่งเป็นนิยมใช้กันใน อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนในขณะนี้

เหตุผลก็คือ Apple's Dock Connector นั้นทำหน้าที่หลายอย่างมากกว่า USB ทำได้นั่นเอง

USB VS. Apple 30 - Pin

 

700px-USB_thumb2
เหตุใดนะ USB ใช้แค่ 4 Pin แต่ ของ Apple ใช้ถึง 30 Pin


เรามารู้จัก USB กันให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่า สำหรับ หัวเสียบแบบ USB แล้วไม่ว่าจะเป็นหัวแบบ micro USB, mini USB หรือ USB ธรรมดา จะต้องประกอบไปด้วยแถบทองเหลือง 4 แถบด้วยกัน Pin 1 สำหรับไฟเข้า Pin 2 สำหรับข้อมูลออก Pin 3 สำหรับข้อมูลเข้า และ Pin 4 ทำหน้าที่สายดิน (ground) ซึ่งเพียบพอสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป

300px-Jack_plug_thumb3

คราวนี้เรามาดู Apple's iPad Shuffle หรือที่เสียบชาร์จ/Sync ข้อมูลด้วย audio jack กันบ้าง แอปเปิล ทำการใส่ Pin มาไว้รอบหัวเสียบหูฟังแทน ซึ่งทำให้ iPod Shuffle สามารถโอนถ่ายเพลง (data) และชาร์จไฟได้ผ่าน หัวแจ็คแบบนี้ ด้วยมาตราฐานของ USB แล้ว เมื่อเสียบ ไปยังคอมพิวเตอร์ ระบบปฎิบัติการจะตรวจสอบอุปกรณ์และโหลด driver USB
เพื่อให้ใช้งานได้ทันที และทำงานให้โดยอัตโนมัติ

แต่ปัญหาของ USB ก็ยังมีอยู่ด้วยความที่ว่า มันออกแบบโปรโตคอล มาเพื่อ อุปกรณ์ต่อพ่วงที่ใช้ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์หลายอย่างเช่น Keyboard, Mouse, Digital Camera, Pritners, External Harddisk และอีกสารพัดอย่าง โดยการ ที่ USB นี่ช่วยทำให้อปุกรณ์ที่ใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยการโหลด driver ของอุปกรณ์ต่อพ่วงนั้นเข้าระบบ

ปัญหาก็คือ สำหรับ iPhone, iPad, iPod นั้นเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ย่อมๆ ขนาดพกพาก็ว่าได้ ซึ่ง ประมวลผลต่างๆ เพียงแต่ว่า ไอโฟนนั้น ไม่ได้มีการโหลด driver แบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำได้ ซึ่งถ้าพูดกันใน แง่ของเครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะมองว่า iPhone เหล่านี้เป็นเพียง อุปกรณ์ต่อพ่วง ตัวหนึ่งเท่านั้น แล้วถ้าเราต้องการ เสียบ iPhone เข้ากับลำโพงสุดล้ำที่ออกแบบมาสำหรับ iPhone เพื่อเล่นเพลงหละ จะต้องทำยังไง ในเมื่อ iPhone ไม่สามารถโหลด driver ของลำโพงเข้ามาได้ เพราะไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

ipad_dock_pinout_thumb3
30-Pin Dock Connector ของแอปเปิล


สาเหตุนี้นี่เอง Apple’s 30-Pin Dock Connector จึงถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ iPhone, iPad, iPod ทั้งหมดนั้นสามารถ ติดต่อพูดคุยกับ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่จะมาเสียบเข้าโดยตรง กับ iPhone เพื่อให้ใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องโหลด driver เข้า ไอโฟน อย่างที่เห็นกัน ว่าอุปกรณ์เสริม ที่พัฒนาโดยบริษัทอื่นๆ นั้นมีมากมาย และทำงานได้หลากหลายเช่น ลำโพงสำหรับ iPhone, Camera Connection Kit สำหรับโอนถ่ายรูป, อุปกรณ์ที่ใช้ในเรื่องสุขภาพ

แล้วทำไมต้องใช้ถึง 30 Pins ?

 

23125-450x-r_5
ช่องเสียบ iPod รุ่นแรกยังเป็น FireWire

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ แอปเปิลตัวจริง คงทราบกันดีว่า iPod รุ่นแรกนั้น แอปเปิลยังไม่ได้ใช้ 30-Pin แต่ใช้ FireWire ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทน USB Port ฝั่งเครื่อง Mac ที่ใช้ในการชาร์จไฟ และโอนถ่ายข้อมูลจากเครื่องแม็คไปยังไอพอด แต่แอปเปิลก็เปลี่ยนใจ หันมาพัฒนาและเริ่มใช้ 30-Pin Dock Connector แทนตั้งแต่ iPod รุ่นที่ 3 และใช้มาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเหตุหลักๆ ก็คือ แอปเปิลสามารถออกมาตราฐานให้กับผู้ผลิตภายใน ในการอุปกรณ์เสริมมาใช้กับ ไอพอดได้ โดยไม่ต้อง มีการโหลด driver เรียกว่าเสียบเข้ากับไอพอดแล้วใช้งานได้โดยตรง ส่วนเหตุผลที่สองก็คือ แอปเปิลสามารถทำรายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์ "Made for iPod" ได้อีกด้วย

อุปกรณ์เสริมที่มีสัญลักษณ์นี้ แสดงว่าได้จ่ายค่า License ให้กับทางแอปเปิล ซึ่ง แอปเปิลก็ได้รับรองว่า เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาได้ตามมาตราฐานของทางบริษัท

799px-Apple_Dock_Connector_thumb4
แต่ละช่องที่เห็นเมื่อรวมแล้วจะมีจำนวน 30 Pin


30-Pin Dock Connector นี้แหละที่อยู่เบื้องหลัง ที่ผลักดัน iPod ในช่วงแรก และต่อเนื่องมายัง iPhone, iPad ให้เป็น ศูนย์รวมของอุปกรณ์ดิจิตอลพกพา ทำให้มีอุปกรณ์เสริมออกมามากมาย ตั้งแต่บนรถยนตร์, จอทีวีโทรทัศน์, ลำโพงเครื่องเสียงชั้นดี, ของเล่น และอุปกรณ์ต่อพ่วงสารพัด ล้วนเป็นคุณงามความดีของ 30-Pin ทั้งนั้น

แล้ว 30-Pin มันทำงานต่างกับ USB ยังไง ?

วันพรุ่งนี้ มาต่อกันว่า Dock Connector ทำงานอย่างไร ทำไมจาก 30 Pin เหลือ 19 Pin ?

ที่มา : CultofMac, Wikipedi, AppleInsider

0 Responses to “ย้อนอดีต ปัจจุบัน อนาคตของ Apple's Dock Connector จะเป็นอย่างไร?”

Post a Comment

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
All Rights Reserved iPhoneAppTube | Blogger Template by Bloggermint