iPhone App Tube : iPhone iPad Apps, Games, Jailbreak, Unlock, Mobile news

รีวิว New iPad รุ่นที่ 3 (iPad 3 Gen) [review]

ไอแพดเป็นแทบเล็ตที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เรียกว่าเป็นผู้ครอง ตลาดอยู่ในช่วงนี้ แอปเปิลขาย ไอแพดรุ่นแรกได้ถึง 15 ล้านเครื่อง ส่วน ไอแพด 2 ก็ทำสถิติได้ดีกว่าแบบก้าวกระโดด โดยขายได้ 60 ล้านเครื่องทั่วโลก

มาถึง New iPad หรือไอแพดรุ่นใหม่ประจำปีนี้ ใช้รูปลักษณ์เดิมของ iPad 2 แต่เพิ่มพัฒนา ภายใน และปรับปรุงในส่วนของ บริการ และซอฟ์แวร์มากกว่า ซึ่งเจ้านิวไอแพดนี้ อาจจะแหกกดของแอปเปิล ซักเล็กน้อย ที่ทำออกมาใหม่ ก็จะทำให้เล็กลง บางลง เบาลง แต่ ทั้งสามสิ่งนี้ ไม่ใช่สำหรับ ไอแพด รุ่นใหม่นี้เลย เพราะมันหนาขึ้น (เล็กน้อย) หนักขึ้น (พอตัว) และไม่ได้เล็กลง (ยังไม่มินิ) ซึ่งเพราะหน้าจอ ที่ละเอียดกว่าเดิม 4 เท่า ความเร็วกราฟฟิคเร็วกว่าเดิมมาก และ แบตที่อึดขึ้นพอให้ 4G LTE ซดได้อย่างเพียงพอ สำหรับวีดีโอรีวิว ดูได้ที่ท้ายบทความ เรามาดูแต่ละส่วนของ iPad 3 Gen กันบ้าง

หมายเหตุ : เพื่อความง่ายในการอ้างอิงรุ่น จะขอเรียก ไอแพดรุ่นแรกว่า iPad 1 ส่วน ไอแพดรุ่น 2 ว่า iPad 2 และ New iPad ว่า iPad 3

หน้าจอ Retina Display

เมื่อปี 2553 แอปเปิล ทำให้ทั่วโลกฮือฮาไปกับ iPhone 4 ที่ ออกแบบใหม่ และมาพร้อม หน้าจอที่แอปเปิลตั้งชื่อเองว่า
Retina Display หน้าจอที่อัดแน่นด้วยจำนวนพิกเซล จนสายตามนุษย์ ไม่สามารถพอเห็นจุดพิกเซลที่หน้าจอได้
และมาจนถึงหน้าจอ Retina Display สำหรับไอแพด  แม้จะไม่มีจำนวนพิกเซลเท่าของ ไอโฟน 4 (326 pixels)
ไอแพด 3 (264 pixels) แต่ก็มีความละเอียดหน้าจอที่ สูงมากกว่า HD TV ซะอีกคือละเอียดที่ 2048 x 1536 pixels
หรือ 4 เท่าของหน้าจอเดิมใน iPad 1 / 2 ในขนาดจอ 9.7" ซึ่งพิกเซลจะน้อยกว่า ไอโฟน แต่ความละเอียดขนาดนี้
ถึงว่ายอดเยี่ยม และเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

ถ้ามองในแง่ของการอ่านหนังสือแล้ว ก็จะเห็นตัวอักษรที่คมชัดขึ้น และจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น ในส่วนของ ภาพถ่าย และวีดีโอ ซึ่งเราจะ สามารถเห็น รายละเอียดของภาพได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เรียกว่า เราจะเห็น ละเอียดเล็ก ๆ ในภาพได้มากขึ้นนั่นเอง

ส่วนวีดีโอนั้น เหมือนกับเรากำลังดู ภาพยนตร์ระดับ High Defination บนจอทีวี LCD เพียงแต่ มันย่อส่วนอยู่ในมือของเรานั่นเอง แต่จุดที่ ยังไม่ถึงกับเรียกว่า กับเรียกว่า ย่อโรงภาพยนตร์มาในมือ ก็เพราะ New iPad  ลำโพงนั้น ยังเป็น Mono อยู่ จะดูหนังดีๆ  ซักเรื่อง ต้องใส่หูฟังแทนเพื่อให้ได้เสียง สเตอริโอ

ต้องยอมรับความเทพของจอ Retina Display ของ iPad  3 Gen. แต่ด้วยหน้าจอ iPad 2 นั้นก็ยังถือว่า อยู่ในระดับยอดเยี่ยม ทำให้ ความแตกต่าง มันไม่ขนาด ตอนช่วง หน้าจอ iPhone ไปยัง หน้าจอ iPhone  Retina Display และก็อีกอาจจะเพราะ เราดูหน้าจอ Retina Display จนชิน แล้วใน iPhone 4 / 4S ด้วยก็เป็นได้

ทางฝั่ง นักพัฒนาแอพ ก็คงงานเข้ากับอีกรอบ เพื่อปรับ ความละเอียด กราฟฟิคในแอพของตนเอง แต่หลาย ๆ คนก็คาดการณ์ไว้แล้ว กับการมา ของหน้าจอ เรตินาดิสเพลย์ ซึ่งตอนนี้ แอพพลิเคชัน ดังๆ หลายตัว ก็ทยอย ออกมารองรับ หน้าจอ New iPad แล้ว

ส่วนแอพที่ไม่ได้อัพเดต ก็ยังได้อานิสงห์อยู่ดี แม้ไม่ได้มีการปรับปรุง แอพให้เข้ากับหน้าจอ New iPad ในส่วนของ ตัวอักษร ในแอพ แต่ก็ยัง มีบางแอพ เช่นกัน ที่แอพเก่า จะเห็นตัวอักษร พิกเซลแตก อย่าง Amazon's Kindle (ตอนนี้อัพเดตออกสำหรับหน้าจอใหม่แล้ว)  ดังนั้น แม้แอพเก่า ไม่ได้อัพเดตเพื่อ New iPad ส่วนใหญ่ก็ใช้งาน ได้ และคมชัดกว่าเดิม  (ตัวอักษร)

ขุมพลังที่แรงขึ้น

iPad 2 นั้นแรงและเร็ว เพราะใช้โปรเซสเซอร์ A5  แม้จะมีความเร็วนาฬิกาที่ 1 GHz เท่ากับ iPad 1 ก็ตาม แต่ด้วย
A5 เป็นโปรเซสเซอร์ (CPU) แบบ dual core ทำให้ประมวลผลโดยรวม  เร็วและแรงขึ้น แต่สำหรับ iPad 2 -> iPad 3 นั้น ความเร็ว  เท่าเดิมเพราะเป็นโปสเซสเซอร์แบบ dual core เหมือนเดิม  แต่ก็เรียกว่า มีความเร็วอยู่ในระดับแถวหน้าอยู่ดี

สิ่งที่แอปเปิลเพิ่มให้นั้นกลับเป็นในส่วนของ ตัวประมวลผล  กราฟฟิค (GPU) ที่เป็นแบบ quad core หรือประมวลผลแบบ  4 แกน เพื่อมารองรับกับหน้าจอที่มีความจัดสูง มากขึ้นถึง  4 เท่านั้นเอง หรือ 3.1 ล้านพิกเซล (สำหรับ iPad 2 คือ 786,000  พิกเซล) ใส่ลงใน A5X เมื่อทดสอบด้วย GLBench 3D graphic  testing app ผลที่ได้ก็คือ iPad 3 มี frame rate เพิ่มขึ้น  1.6 เท่าจาก iPad 2 หรือ 13 เท่าของ iPad 1

Apple นั้นก็เตรียม application ที่ตัวเองพัฒนา ออกมารองรับ  หน้าจอ Retina Display นี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การใช้งาน สามารถใช้ได้  อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา เมื่อเราเลื่อนหน้าจอขึ้นลงไปมา แต่สำหรับ  แอพพิเคเชันบางตัว อาจจะมีปัญหาบ้าง ที่หน้าจอตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่  ควร อันนี้คงต้องรอให้ นักพัฒนา ได้ iPad 3 อยู่ในมือ เพื่อทำการพัฒนา
ปรับปรุงกันต่อไป

ส่วนการทดสอบความเร็วในการประมวลผล ทาง MacWorld พบว่า  iPad 2 เร็วกว่าเล็กน้อย และสำหรับ Sunspider Javascript benchmark  ในส่วนของการรันจาวาสคริปในเว็บบราวเซอร์ คะแนนที่ได้นั้นได้เท่าเดิม  แต่ในส่วนของ webpage loading นั้น iPad 3 สามารถแสดงหน้าเว็บ  ได้รวดเร็วขึ้น

รูปลักษณ์ภายนอก

การเปลี่ยนภายนอกเทียบจาก iPad 2 > iPad 3 นั้นแทบจะไม่มี  ดูผ่านๆ  จะเหมือนกันมาก คงเปรียบเทียบได้ที่น้ำหนักที่หนักขึ้น  และด้านล่าง dock connector นั้นเป็นสีเงิน ไม่ได้เป็นสีดำแบบ iPad 2  และกล้องหลัง เลนส์ใหญ่ขึ้น

ส่วนการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อยก็คือ iPad 3 หนาขึ้น 0.6 mm.  แค่นั้นเอง  และมีนำหนักเพิ่มขึ้น 652 กรัม สำหรับรุ่น WiFi และ 662 กรัมสำหรับ 4G + WiFi  ซึ่งเรียกว่า iPad 3 หนักกว่า iPad 2 แต่ยังเบากว่า iPad 1 ดังนั้น  ถือกันไหวแน่นอน เพราะยังเบากว่า iPad 1

iPad 2 Dock Connector เป็นสีดำ

รู้อย่างนี้แล้ว อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ iPad 2 ก็สามารถใช้กับ iPad 3  ได้ ซึ่งก็เป็นข้อดี ในเรื่องของความหลากหลาย และราคา ที่มีให้เลือกมากมาย

ความสมบูรณ์ของกล้องถ่ายรูปภาพ

iPad 1 ไม่มีกล้อง iPad 2 กล้องความละเอียดต่ำ ดังนั้น iPad 3 ถือว่า เป็น ไอแพด ที่เหมาะกับการเอามาถ่ายรุปมากที่สุด เพราะมีความละเอียด 5 MP เป็นแบบ iSight ที่มี 5 ชิ้นเลนส์ และรองรับการถ่ายวีดีโอ ละเอียดกว่า เดิมที่ 1080p สำหรับการถ่ายรูปเทียบกับ อุปกรณ์พกพาอื่นๆ  iPad 3  ก็ถ่ายรูปได้ดี คุณภาพเยี่ยม คุณภาพนั้นเทียบใกล้เคียงกับ iPhone 4S  และ Asus transformer Prime ซึ่งก็ต้องบอกว่า ถ้าเทียบกันใน บรรดาแทบเล็ตแล้ว iPad 3 นั้น มีกล้องที่มีคุณภาพอยู่แถวหน้าเลย  รวมทั้งการถ่ายวีดีโอ 1080p แม้จะถ่ายในที่แสงน้อย คุณภาพ วีดีโอ ก็ถือว่าดีมากทีเดียว

ถอดคำได้ แต่สั่งงานไม่ได้

iPad 3 ไม่ได้ใส่ Siri มาให้แต่ ก็ยังมีฟีเจอร์ voice dictation มาให้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ คนไทยคงไม่ได้ใช้กันสักเท่าไหร่ ในการถอดคำพูด (ภาษาอังกฤษ) ให้เป็นข้อความ

4G LTE

4G LTE นั้น ในอเมริกามีสองรุ่น AT&T และ Verizon ที่ สนับสนุน 4G LTE ต่างกัน และ Verizon จะสนับสนุน CDMA ด้วยตอนนี้ เรียกว่ายังไม่พร้อมในงาน ทั่วโลก iPad 3 ใช้ได้ ในบางประเทศเท่านั้น ซึ่งรวมประเทศไทยก็คงยังใช้ไม่ได้ (ตอนนี้ 3G ก็ยังไม่มีทั่วประเทศเลย) แต่ iPad 3 นั้นก็มีการพัฒนาในส่วนของ 3G นั่นก็คือรองรับ HSPA+ แล้วเหมือน iPhone 4S ดังนั้น เราจะได้เล่น 3G ที่เร็วขึ้น กว่า iPad 2  แต่สรุปแล้ว 4G LTE เร็วจริงอะไรจริง

4G LTE แท้ ๆ ต้องขึ้นว่า “LTE” ไม่ใช่ 4G

ส่วนที่น่าสนใจ แล้วเราคงได้ใช้ก็คือ iPad 3 สามารถทำหน้าเป็น Hot Spot ได้ หรือแชร์อินเทอร์เน็ต ให้ ไอโฟน ไอพอด หรือคอมพิวเตอร์ และ iPad 3 มีแบต ที่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 4S ดังนั้น การใช้ iPad 3 มาเป็น Wi-Fi Hot Spot
ก็น่าจะเป็นหนทางที่ดี

เลือก iPad รุ่นไหนดี ?

คราวนี้เลือกไม่ยากนัก เพราะความจุ และสี เหมือนเดิม รวมทั้งดีไซน์ด้วย ส่วน 4G ก็ยังไม่มีในบ้านเรา (และหลายที่ทั่วโลก) ดังนั้น การเลือกซื้อ ก็คล้ายๆ รุ่นเดิม แต่อย่าลืมในส่วนของ iPad 3 มีการเพิ่มความละเอียด หน้าจอเพิ่มขึ้น ดังนั้นทั้ง แอพ, เกมส์ และวีดีโอ ต่างๆ จะมีพื้นที่เพิ่ม ขึ้นเป็นเงาตามตัว ตัวเลือก 16 GB. อาจจะเริ่มไม่พอ เหมือนแต่ก่อนแล้ว ถ้าใครเน้นเล่นเว็บ เช็คเมล และแอพเล่นเกมส์ บ้าง 16 GB. ก็ยังพอไหว แต่ถ้า จะเน้นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์กราฟฟิคสูง ๆ 16 GB. คงไม่พอ ส่วน รุ่นใส่ ซิมได้ หรือรุ่น WiFi อย่างเดียว นั้นการตัดสินใจก็ไม่ต่างกับรุ่น iPad 2 แต่จริงๆ แล้วส่วนน้อยแหละ ที่เราจะพก iPad ไปในที่ ๆ หา Wi-Fi  ไม่ได้เลย ดังนั้นรุ่น Wi-Fi only ก็ยังน่าสนใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ WiFi onlyไม่มีให้มา ก็หรือ A-GPS ใครสนใจระบบนำทาง ก็คงต้องมอง รุ่น 4G + WiFi แทน

ประสบการณ์กับ iPad

การมาของ ไอแพด นั้น เป็นการมาที่ทำให้คนทั่วโลก สนใจ tablet computer แม้ก่อน แอปเปิลจะเปิดตัว ไอแพด
tablet computer ก็มีมาได้สักพักใหญ่ๆ  ตอนนี้เรียกได้ว่า ตลาดแทบเล็ต ก็คือ ตลาดไอแพดนั่นเอง เพราะ ทิ้งคู่ต่อสู้แบบไม่หลายทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ ไอแพด ประสบความสำเร็จ ก็คือ ไอแพด มีแอพพลิเคชัน ใช้งานสำหรับหน้าจอ ใหญ่
อย่างนี้ มากมาย หลากหลาย ซึ่งผิดกับทางฝั่งแอรดรอยด์ ที่ มีแอพ สำหรับแทบเล็ต ยังอยู่ในปริมาณที่น้อย

ตอนที่มีการเปิดตัว ไอแพด นั้น บางคนก็พูดว่า ไอแพด มันก็คือ ไอพอดทัชขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ไอแพด มีความ แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ของมัน สำหรับ ผู้ใช้หน้าใหม่ คงได้รับความตื่นเต้น กับประสบการณ์การใช้งาน ไอแพด ที่ได้รับ ส่วน ผู้ใช้ ไอแพด เดิมมาจาก iPad 2 คงไม่ได้รู้สึก กระตือรือร้นอะไร มากมายนั้น เพราะเป็นการ อัพเกรดจาก รุ่น iPad 2 นั้นเอง

ที่มา : Macworld

บทความนี้เขียนและเรียบเรียงโดย: ST.GiZMo

ติดตามข่าวสาร ของ iPhone, iPad ได้ทาง อีเมล, RSS feed หรือ Facebook Page รับรองไม่พลาดข่าว และบทความน่าสนใจ ส่งตรงถึงคุณทุกวัน ถ้าหาเรื่องที่ต้องการไม่เจอ ลอง ค้นหาข้อมูลในกล่อง search รับรองเจอง่าย ในคลิกเดียว ติดต่อ AppTube ได้ที่ "iphoneapptube @ gmail.com"